หน้าที่ของทนายความที่สำคัญมีอยู่ 2 ประการ คือ ทนายความมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของลูกความ และมีหน้าที่รักษาความยุติธรรมด้วย ทนายความต้องทำให้ลูกความมีความเชื่อมั่นว่า ตนจะรักษาผลประโยชน์ของลูกความไว้ได้อย่างดี จนกระทั่งลูกความยอมมอบเงินหรือทรัพย์สินให้ทนายความยึดถือไว้ หากทนายความทุจริตนำเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับมาเนื่องจากการทำหน้าที่ทนายความไปใช้เป็นประโยชน์ของตน ถือว่ามีความผิดตามข้อบังคับข้อนี้
----------------------
ความผิดในข้อนี้เป็นข้อที่มีการกล่าวหามากที่สุด การทำหน้าที่ของทนายความ ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง การทำหน้าที่ของทนายความเป็นการเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของลูกความ ซึ่งส่วนใหญ่ผลประโยชน์ของลูกความมักจะเป็นจำนวนมากกว่าค่าจ้างที่ทนายความจะได้รับจากลูกความทนายความที่ไม่ซื่อสัตย์ ไม่สุจริต มีความโลภ อยากได้ประโยชน์ มักจะกระทำความผิดด้วยการ ฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ
----------------------
คำว่า ฉ้อโกง หมายถึง การใช้อุบายหลอกลวงลูกความโดยการกล่าวคำเท็จ หรือแกล้งปกปิดความจริงที่ควรจะบอกให้แจ้งโดยเจตนาทุจริต เพื่อให้ลูกความส่งเงินหรือทรัพย์สินให้แก่ตนเองหรือบุคคลอื่น หรือเพื่อให้ลูกความกระทำหรืองดเว้นกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้ตนเองหรือบุคคลอื่นได้รับผลประโยชน์ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 เช่น ลูกความถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญา เมื่อมาปรึกษาคดีทนายความก็แจ้งแก่ลูกความว่าจะยื่นคำให้การให้ แต่ต้องนำเงินค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละ 2.50 ของทุนทรัพย์ไปวางศาล ขอเบิกเงินดังกล่าวก่อน ลูกความหลงเชื่อมอบเงินให้แก่ทนายความ จึงมีความผิดตามข้อบังคับข้อนี้
---------------------
คำว่า "ยักยอก" หมายถึง การที่ทนายความได้ครอบครองทรัพย์สินของลูกความไว้แล้วเบียดบังเอาทรัพย์ดังกล่าวเป็นของตนเองหรือของบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เช่น จำเลยนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามที่ถูกฟ้อง ทนายความโจทก์ได้รับเงินดังกล่าวไว้ เงินจำนวนดังกล่าวทนายความต้องนำส่งมอบให้แก่ลูกความของตนแต่ทนายความได้นำเงินดังกล่าวมาเป็นของตนเองเสีย ไม่ยอมนำไปส่งมอบให้แก่ลูกความ หรือในกรณีที่ลูกความเป็นจำเลยในคดีแพ่งได้มอบเงินให้แก่ทนายความจำเลย เพื่อนำไปชำระหนี้ให้แก่โจทก์ แต่ทนายความจำเลยได้ทำการยักยอกเอามาเป็นของตนเสีย จึงมีความผิดตามข้อบังคับข้อนี้
---------------------
คำว่า "ตระบัดสินดูกความ" เป็นคำโบราณ หมายถึง การฉ้อโกง หรือยักยอกทรัพย์สินของลูกความนั่นเอง เงินหรือทรัพย์สินของลูกความที่ทนายความใด้รับมาโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้อง ทนายความมีหน้าที่ต้องส่งมอบคืนแก่ลูกความทันที ไม่ควรที่จะครอบครอง หรือหน่วงเหนียวไว้นานเกินกว่าเหตุ โดยมิได้รับความยินยอมจากลูกความ เช่น ทนายความได้รับโทรศัพท์มือถือจากจำเลยในคดีซึ่งมอบให้แก่ทนายความโจทก์ เพื่อตีราคาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ทนายความได้นำโทรศัพท์มือถือดังกล่าวไปใช้ส่วนตัว ไม่ยอมคืนให้แก่ลูกความ เมื่อลูกความมาทวงถามก็อ้างว่าโทรศัพท์ดังกล่าวเสีย ทนายความเอาไปซ่อมให้แก่ลูกความ ทั้งที่ความจริงทนายความใช้เครื่องโทรศัพท์ดังกล่าวอยู่ทุกวัน การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดในข้อนี้
--------------------
ข้อยกเว้นความผิดในข้อนี้ คือต้องมีเหตุอันสมควรเหตุอันสมควรนี้ต้องพิจารณาเป็นการเฉพาะรายไป ในกรณีที่ทนายความไม่ยอมคืนโฉนดที่ดินให้แก่ลูกความ เนื่องจากลูกความยังไม่ได้ชำระค่าทนายความตามที่ตกลงกันไว้ ไม่ใช่เหตุอันสมควรที่จะทำให้ทนายความจะครอบครองหรือหน่วงเหนี่ยวโฉนดที่ดินของลูกความไว้ เพราะโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของลูกความที่ทนายความต้องส่งมอบคืนแก่ลูกความ หรือในกรณีที่ทนายความโจทก์ใด้รับเงินชำระหนี้จากจำเลย ทนายความโจทก์มีหน้าที่ส่งมอบเงินดังกล่าวให้แก่ลูกความทันที ทนายความไม่ควรขอหักเงินค่าจ้างทนายความที่โจทก็ยังค้างชำระอยู่ออกจากเงินดังกล่าวทนายความต้องยึดถือประโยชน์ของลูกความก่อนประโยซน์ของตนเอง การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดในข้อนี้
---------------------
มีทนายความบางคนคิดว่า เงินของลูกความที่อยู่กับทนายความจะสามารถนำไปใช้ก่อน และจะหาเงินคืนให้แก่ลูกความในภายหลังได้ แต่เมื่อลูกความมาทวงถามก็ไม่สามารถหาเงินมาใช้คืนลูกความได้ทันกำหนด ทำให้ต้องขอผัดผ่อนลูกความ หรือหาเหตุอื่นๆ ที่จะใช้อ้างเพื่อมิให้ต้องคืนเงินดังกล่าว เช่น ขอคิดค่าทนายความเพิ่มเติม หรือขอเรียกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งนอกจากจะเป็นความผิดในข้อนี้แล้วยังอาจเป็นความผิดในข้อ 14 ด้วย