ข้อบังคับสภาทนายความ
ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. ๒๕๒๙

หมวด ๔

มรรยาทต่อทนายความด้วยกัน ต่อประชาชนผู้มีอรรถคดี และอื่นๆ

 

     ข้อ ๑๘  ประกอบอาชีพ ดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ

คำอธิบาย

ข้อบังคับข้อนี้มีขอบเขตกว้างขวางมาก ซึ่งทนายความที่ประพฤติผิดมรรยาทในข้ออื่นๆ ก็อาจมีความผิดในข้อนี้ด้วย รวมถึงการประกอบอาชีพทนายความ หรืออาชีพอื่น หรือดำเนินธุรกิจอื่น หรือการประพฤติตนโดยทั่วไปของทนายความด้วย ซึ่งการประกอบอาชีพ หรือดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรม หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ เช่น
-------------------
ทนายความขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ผู้อื่นเสียหาย แล้วแสดงตัวเป็นทนายความแจ้งว่าต้องรีบไปว่าความที่ศาลแล้วจะไปตกลงค่าเสียหายที่สถานีตำรวจ ผู้เสียหายเจ้าและพนักงานตำรวจเชื่อในเกียรติของทนายความยินยอมตามที่ขอ แต่ทนายความไม่ยอมไปพบตามที่แจ้งไว้ เป็นการทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ
-------------------
ใช้สำนักงานทนายความเป็นบ่อนการพนัน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้น ก็อ้างการเป็นทนายความข่มขู่เจ้าหน้าที่
-------------------
ทนายความเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทซึ่งมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการทางด้านกฎหมาย ใช้วิธีการทางธุรกิจบริหารงานทางวิชาชีพทนายความด้วยการจัดให้มีระบบสมาชิก จัดให้มีฝ่ายการตลาด จัดหาสมาชิกรายปีและตลอดชีพ โดยทำแผ่นพับมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบิดากฎหมายไทยอยู่ภายใต้ชื่อบริษัทและสำนักงานกฎหมาย เป็นการโฆษณาเพื่อประโยชน์ทางการค้ามากกว่าการมุ่งบริการรับใช้ประชาชน จึงเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความตามข้อ 18
(คำสั่งสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ ที่ 5/2540)
-------------------
ทนายความเรียกค่าทนายความสูงถึง 50,000 บาท สำหรับการดำเนินการในชั้นบังคับคดีเพียงอย่างเดียว ทั้งๆ ที่จำนวนหนี้ตามคำพิพากษาที่ลูกหนี้ต้องชำระมีเพียง 110,235 บาท จึงเป็นการประกอบอาชีพที่มุ่งเอารัดเอาเปรียบประชาชนมากกว่าการให้ความช่วยเหลือรับใช้ประชาชนไม่ผดุงเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ เป็นการประพฤติตนอันเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ
(คำสั่งสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ ที่ 7/2540)
--------------------
ทนายความไปแอบดูนิสิตหญิงทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำหญิง เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี เป็นการละเมิดต่อกฎหมาย ทำให้เสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความตามข้อ 18
(คำสั่งสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ ที่ 1/2541)
-------------------
ผู้กล่าวหาเป็นโจทก์ฟ้องลูกความของผู้ถูกกล่าวหา และได้นัดเจรจากัน ผู้ถูกกล่าวหาไม่พอใจผู้กล่าวหา จึงเข้าเตะทำร้ายร่างกายผู้กล่าวหา เป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี และเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ
(คำสั่งสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความที่ 1/2536)
------------------
ภรรยาผู้กล่าวหาฟ้องคดีมรดก ศาลพิพากษายกฟ้อง จึงได้ยื่นอุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์ได้รู้จักกับผู้ถูกกล่าวหา และพวก บุคคลทั้งสองได้หลอกลวงผู้กล่าวหา และภรรยาหากต้องการให้คดีชนะ จะต้องวิ่งเต้นผู้พิพากษา และอ้างว่ารู้จักผู้พิพากษา ระดับสูงหลายคน สามารถดำเนินการได้ โดยเรียกค่าวิ่งเต้น 1,000,000 บาท ผู้กล่าวหาได้จ่ายเงินเป็นเช็คธนาคารครั้งแรก 200,000 บาท ครั้งที่สอง 800,000 บาท โดยผู้ถูกกล่าวหากับพวกได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินให้ไว้เป็นหลักฐานการรับเงิน และสัญญาว่าถ้าวิ่งเต้นไม่สำเร็จจะคืนเงินให้ทั้งหมด ต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ผู้กล่าวหาจึงขอเงินคืนทั้งหมดแต่ ผู้ถูกกล่าวหาไม่คืนผู้ถูกกล่าวหาประกอบวิชาชีพทนายความแต่ไม่ได้ให้คำปรึกษาแก่คู่ความ และภรรยา กลับแนะนำให้วิ่งเต้นคดีเพื่อชนะคดีเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และผู้ถูกกล่าวหาเคยถูกลงโทษภาคทัณฑ์และว่ากล่าวตักเตือน ในคดีมรรยาททนายความมาก่อน คณะกรรมการสภาทนายความให้ลงโทษผู้ถูกกล่าวหาเนื่องจากประพฤติผิดข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 14 และ ข้อ 18 อย่างร้ายแรง ให้ลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความเป็นการเหมาะสมแก่พฤติการณ์ แห่งคดีแล้ว เมื่อพิจารณาจากคำสั่ง 24/2545 ถือได้ว่า เป็นการลงโทษที่รุนแรงถึงขั้นลบชื่อจากการเป็นทนายความ ซึ่งถือได้ว่าจะมาประกอบวิชาชีพทนายความอีกไม่ได้แล้ว
(คำสั่งสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความที่ 24/2555)

คำสั่งสภานายกพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

บันทึกส่วนตัว

Visitor Statistics

Online: 1

Today: 2

Yesterday: 2

Week: 6

Month: 35

Year: 1005

Total: 2153

Record: 163 (03.11.2023)