ข้อ ๘ สมรู้เป็นใจโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อทำพยานหลักฐานเท็จ หรือเสี้ยมสอนพยานให้เบิกความเท็จ หรือโดยปกปิดซ่อนงำอำพรางพยานหลักฐานใดๆ ซึ่งควรนำมายื่นต่อศาล หรือสัญญาจะให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน หรือสมรู้เป็นใจในการให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน
ความผิดในข้อนี้เป็นการควบคุมทนายความ เพื่อมิให้ทนายความสมรู้นำเอาความเท็จมาเสนอต่อศาล รวมทั้งการให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน เพื่อให้กระทำการใดๆ อันเป็นการทำให้กระบวนการยุติธรรมต้องเสียไป ทั้งนี้ยึดถือหลักการที่ว่า ทนายความเป็นเจ้าหน้าที่ของศาลตามหลักกฎหมายของประเทศที่ใช้กฎหมายจารีตประเพณี หรือหลักการที่ว่า ทนายความเป็นเครื่องมือในกระบวนการยุติธรรมตามหลักกฎหมายของประเทศที่ใช้กฎหมายลายลักษณ์อักษรดังที่ได้กล่าวมาในข้อบังคับข้างต้น ทนายความเป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย ทนายความจึงต้องไม่กระทำความผิดกฎหมายเสียเอง
------------------
การทำพยานหลักฐานเท็จ หรือเซี่ยมสอนพยานให้เบิกความเท็จ หรือการให้สินบนแก่เจ้าพนักงานเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ทนายความจึงต้องไม่ร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าว รวมถึงการไม่เข้าไปมีส่วนร่วมหรือสมรู้เป็นใจด้วยดังนั้น หากทนายความเข้าร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าวแล้ว ทนายความสมควรต้องได้รับโทษมากกว่าประชาชนทั่วไปที่กระทำความผิดในฐานเดียวกัน
-----------------
ความผิดในข้อนี้แบ่งได้เป็น 5 ประการ ได้แก่
- สมรู้เป็นใจโดยทางตรงหรือทางอ้อมเพื่อทำพยานหลักฐานเท็จ
- เสี้ยมสอนพยานให้เบิกความเท็จ
- ปกปิดช่อนงำอำพรางพยานหลักฐานใดๆ ซึ่งควรนำมายื่นต่อศาล
- สัญญาจะให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน และ
- สมรู้เป็นใจในการให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน
----------------
หากทนายความทำพยานหลักฐานเท็จด้วยตนเอง ก็จะเป็นความผิดตามข้อ 7 ดังที่ได้กล่าวมนคำอธิบายข้อ 7 ความผิดในข้อนี้ ทนายความไม่ได้เป็นผู้ทำพยานหลักฐานเท็จด้วยตนเอง เพียงแต่การร่วมคิด หรือรู้กัน หรือรู้เห็นในการทำพยานหลักฐานเท็จ แล้วไม่คัดค้านหรือห้ามปรามก็เป็นความผิดแล้ว เพราะเป็นการสมรู้เป็นใจไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ดังนั้น ในกรณีที่ทนายความได้นำพยานหลักฐานเท็จเสนอต่อศาลแล้วมาทราบความจริงภายหลัง ทนายความก็ควรจะรีบยื่นคำแถลงขอถอนตัวจากการเป็นทนายความทันที เพื่อให้ศาลเห็นว่า ทนายความไม่มีส่วนร่วมในการทำพยานหลักฐานเท็จดังกล่าว
----------------
การเสี้ยมสอนพยานให้เบิกความเท็จ คือการแนะนำสั่งสอนหรือยุยงส่งเสริมให้พยานเบิกความเท็จ โดยทนายความทราบอยู่แล้วว่าเป็นความเท็จ
---------------
ในกรณีที่ทนายความสอบถามหรือความจำของพยานก่อนจะมีการสืบพยานนั้น ไม่ใช่การเสี้ยมสอนให้เบิกความเท็จ ไม่มีความผิดในข้อนี้
--------------
การปกปิดซ่อนงำอำพรางพยานหลักฐานใดๆ ซึ่งควรนำมายื่นต่อศาลนั้น หมายถึงการที่ทนายความทราบว่า มีพยานหลักฐานสำคัญที่ควรต้องยื่นต่อศาล แต่ทนายความปกปิดหรือซ่อนงำ หรืออำพรางพยานหลักฐานนั้นไว้ เพื่อมิให้ศาลทราบ
--------------
การให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน ทนายความผู้กระทำความผิดนี้อาจต้องรับโทษในข้อหาให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน หรือในข้อหาให้สินบนแก่เจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 167 และมีความผิดตามข้อนี้ด้วย ความผิดในข้อนี้เพียงแค่สัญญาว่าจะให้ก็เป็นความผิดมรรยาททนายความแล้ว
--------------
การสมรู้เป็นใจในการให้สินบนแก่เจ้าพนักงานในข้อนี้ หมายถึงว่า ผู้ให้สินบนมิใช่ทนายความเอง อาจเป็นตัวความหรือบุคคลอื่น แต่ทนายความเข้าไปร่วมคิดหรือรู้เห็นในการให้สินบน แล้วไม่คัดค้านหรือห้ามปราม ก็มีความผิดตามข้อนี้แล้ว เคยมีคดีที่ทนายความยินยอมให้ตัวความและเจ้าพนักงานมาทำความตกลงและจ่ายเงินสินบนในบ้านของทนายความ แม้ทนายความไม่ได้เป็นผู้ให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน ก็มีความผิดในการสมรู้เป็นใจตามข้อนี้แล้ว
Online: 1
Today: 2
Yesterday: 2
Week: 6
Month: 35
Year: 1005
Total: 2153
Record: 163 (03.11.2023)