นาวิน ขำแป้น
[ทนายความ]
วันที่เพิ่ม : วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 20:43:59
ปรับปรุงล่าสุด : วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 20:43:59
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 มาตรา ๓๕๐
ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ : 2899 / 2543คำพิพากษาย่อสั้น
ก่อนที่จำเลยจะโอนขายที่ดินให้ผู้อื่น โจทก์มิได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้เงิน อันเป็นการแสดงว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ยังไม่คิดจะฟ้องคดีให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ให้ชำระหนี้ ความผิดตาม ป.อ.มาตรา 350 จึงยังไม่เกิดขึ้น และในกรณีเช่นนี้แม้จำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ ก็หาทำให้ผลการกระทำของจำเลยอันไม่เป็นความผิดเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๕๙, ๓๕๐
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๐ จำคุก ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๑๘๑๙ ต่อมาวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๓๖ จำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดดังกล่าวให้นางสาวสมพร วงศ์โชติ
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยก่อนในปัญหาที่ว่าขณะจำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้อื่นนั้น โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยชำระหนี้แล้วหรือไม่ โจทก์เป็นพยานเบิกความว่า เมื่อครบกำหนดตามสัญญากู้แล้ว จำเลยไม่นำเงินมาชำระ โจทก์ทวงถามด้วยวาจาให้จำเลยชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยรวมทั้งบอกว่า หากไม่ชำระจะฟ้องต่อศาล แต่จำเลยเพิกเฉย ต่อมาจำเลยก็โอนขายที่ดินดังกล่าวตามที่รับฟังข้อเท็จจริงได้ในเบื้องต้น แต่โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า โจทก์ทวงถามเงินกู้ทางโทรศัพท์จากจำเลย แต่จำไม่ได้ว่าทวงถามในช่วงวันเวลาใด จึงเป็นอันไม่แน่นอนว่าโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ก่อนที่จำเลยจะโอนขายที่ดินดังกล่าว นายจำรัส ปอพิมาย พยานโจทก์เบิกความว่า เมื่อครบกำหนดตามสัญญาจำเลยไม่ชำระ โจทก์ทวงถามด้วยวาจาให้จำเลยชำระและให้นายจำรัสทวงถาม แต่จำเลยไม่ชำระก็ไม่ชัดเจนว่าได้ทวงถามเมื่อใดและก่อนที่จำเลยจะจดทะเบียนโอนขายที่ดินดังกล่าวหรือไม่ หากแต่ได้ความต่อมาว่านายจำรัสได้ทำหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์แล้วให้โจทก์ลงลายมือชื่อส่งไปให้จำเลยตามหนังสือเอกสารหมาย ล.๑ ซึ่งลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๓๗ อันเป็นเวลาภายหลังจากที่จำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินไปแล้ว ประมาณ ๘ เดือน นอกจากนี้แม้ต่อมานายจำรัสจะมีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเอกสารหมาย จ.๓ก็ตาม ตามหนังสือนี้ลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๓๙ ซึ่งภายหลังจากหนังสือตามเอกสารหมาย ล.๑ เป็นเวลาเกือบ ๑ ปี ทั้งโจทก์เพิ่งฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเมื่อวันที่ ๒๗กรกฎาคม ๒๕๔๑ นับตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๖ อันเป็นวันครบกำหนดชำระเงินจนถึงวันฟ้องคดีแพ่งเป็นเวลาประมาณ ๔ ปี ตามพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ประกอบคำเบิกความของโจทก์และนายจำรัสที่กล่าวมาข้างต้น ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่าก่อนที่จำเลยจะโอนขายที่ดินให้ผู้อื่นนั้น โจทก์มิได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้เงินแต่อย่างใดอันเป็นการแสดงว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ยังไม่คิดจะฟ้องคดีให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ให้ชำระหนี้ ความผิดตามฟ้องจึงยังไม่เกิดขึ้น และในกรณีเช่นนี้แม้จะฟังข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ก็ตาม หาทำให้ผลการกระทำของจำเลยอันไม่เป็นความผิดเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นจึงไม่จำต้องวินิจฉัยในเรื่องจำเลยกู้เงินจากโจทก์หรือไม่
พิพากษายืน.
ผู้พิพากษา
สมศักดิ์ เทวรักษ์กุล
ผล อนุวัตรนิติการ
พิชิต คำแฝง
กดถูกใจเป็นคนแรกสิ!