มาตรา 350 | ประมวลกฎหมายอาญา |

 

ประมวลกฎหมาย
อาญา
ภาค ๒ ความผิด

ภาค ๒ ความผิด

ลักษณะ ๑๒ ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์

หมวด ๔ ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้

หน้าก่อน

 

     มาตรา ๓๕๐  ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

* มาตรา ๓๕๐  แก้ไขเพิ่มเติมโดย มาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ.๒๕๖๐ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๓๒ ก หน้า ๖๒ วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๐)

หนังสือประมวลกฎหมายอาญา

 

คำอธิบาย

    ...

คำพิพากษาศาลฎีกา

  • นาวิน_ขำแป้น_1591689625_5.png
    นาวิน ขำแป้น
    [ทนายความ]
    วันที่เพิ่ม : วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เวลา 20:12:43
    ปรับปรุงล่าสุด : วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เวลา 20:12:43


    กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
    ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350    มาตรา ๓๕๐
        ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ : 6188 / 2562
    หนี้ที่โจทก์อ้างเป็นมูลเหตุฟ้องจําเลยที่ 1 ในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ คือหนี้ที่โจทก์ฟ้องจําเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้โจทก์จดทะเบียนโอนขายที่ดินให้แก่จําเลยที่ 2 โดยจําเลยทั้งสองมีเจตนาเพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวกลับคืนมาเป็นของโจทก์ เมื่อความปรากฏต่อศาลฎีกาว่าคดีดังกล่าวศาลฎีการับฟังว่าโจทก์จดทะเบียนให้จําเลยที่ 1 ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทกึ่งหนึ่งและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทอีกกึ่งหนึ่งให้แก่จําเลยที่ 1 ด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่เพราะถูกจําเลยที่ 1 ใช้กลฉ้อฉลโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวและพิพากษายกฟ้องโจทก์ยืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 7 ผลของคําพิพากษาศาลฎีกาทำให้โจทก์กับจําเลยที่ 1 มิได้เป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ต่อกัน โจทก์ไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 การกระทำของจําเลยที่ 1 ที่โอนที่ดินให้แก่จําเลยที่ 2 ขาดองค์ประกอบ ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ จําเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามฟ้อง


    กดถูกใจเป็นคนแรกสิ!

  • นาวิน_ขำแป้น_1591689625_5.png
    นาวิน ขำแป้น
    [ทนายความ]
    วันที่เพิ่ม : วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 05:40:11
    ปรับปรุงล่าสุด : วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 05:40:11


    กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
    ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350    มาตรา ๓๕๐
        ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ : 4864 / 2562 (ประชุมใหญ่)

    (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2562)
    แม้พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ที่โอนขายห้องชุดของตนก่อนวันที่ศาลจังหวัดพัทยาพิพากษาคดีแพ่งเพียง 1 วัน แล้วยักย้ายถ่ายเทหรือย้ายไปเสียซึ่งเงินที่ได้จากการขายห้องชุดดังกล่าว เป็นการส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 อาจมีเจตนาพิเศษเพื่อว่าเมื่อโจทก์ชนะคดีแพ่งแล้ว โจทก์จะไม่สามารถบังคับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 ได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ตาม แต่เมื่อคดีแพ่งที่โจทก์อ้างเป็นมูลเหตุฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีอาญาเรื่องนี้ถึงที่สุดแล้วโดยศาลฎีกาได้พิพากษาว่าจำเลยมิได้ผิดสัญญาซื้อขายหุ้นกับโจทก์จึงไม่ต้องคืนเงินค่าหุ้นพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ และพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ มีผลให้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน เท่ากับโจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้กัน ดังนี้ ก็ไม่อาจมีการกระทำความผิดตามมาตรา 350 แห่งประมวลกฎหมายอาญาดังที่โจทก์อ้างมาได้


    กดถูกใจเป็นคนแรกสิ!

  • นาวิน_ขำแป้น_1591689625_5.png
    นาวิน ขำแป้น
    [ทนายความ]
    วันที่เพิ่ม : วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 20:43:59
    ปรับปรุงล่าสุด : วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 20:43:59


    กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
    ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350    มาตรา ๓๕๐
        ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ : 2899 / 2543
    คำพิพากษาย่อสั้น
    ก่อนที่จำเลยจะโอนขายที่ดินให้ผู้อื่น โจทก์มิได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้เงิน อันเป็นการแสดงว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ยังไม่คิดจะฟ้องคดีให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ให้ชำระหนี้ ความผิดตาม ป.อ.มาตรา 350 จึงยังไม่เกิดขึ้น และในกรณีเช่นนี้แม้จำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ ก็หาทำให้ผลการกระทำของจำเลยอันไม่เป็นความผิดเปลี่ยนแปลงไป

    คำพิพากษาย่อยาว
    โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๕๙, ๓๕๐
    ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
    จำเลยให้การปฏิเสธ
    ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๐ จำคุก ๖ เดือน
    จำเลยอุทธรณ์
    ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
    โจทก์ฎีกา
    ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๑๘๑๙ ต่อมาวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๓๖ จำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดดังกล่าวให้นางสาวสมพร วงศ์โชติ
    มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยก่อนในปัญหาที่ว่าขณะจำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้อื่นนั้น โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยชำระหนี้แล้วหรือไม่ โจทก์เป็นพยานเบิกความว่า เมื่อครบกำหนดตามสัญญากู้แล้ว จำเลยไม่นำเงินมาชำระ โจทก์ทวงถามด้วยวาจาให้จำเลยชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยรวมทั้งบอกว่า หากไม่ชำระจะฟ้องต่อศาล แต่จำเลยเพิกเฉย ต่อมาจำเลยก็โอนขายที่ดินดังกล่าวตามที่รับฟังข้อเท็จจริงได้ในเบื้องต้น แต่โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า โจทก์ทวงถามเงินกู้ทางโทรศัพท์จากจำเลย แต่จำไม่ได้ว่าทวงถามในช่วงวันเวลาใด จึงเป็นอันไม่แน่นอนว่าโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ก่อนที่จำเลยจะโอนขายที่ดินดังกล่าว นายจำรัส ปอพิมาย พยานโจทก์เบิกความว่า เมื่อครบกำหนดตามสัญญาจำเลยไม่ชำระ โจทก์ทวงถามด้วยวาจาให้จำเลยชำระและให้นายจำรัสทวงถาม แต่จำเลยไม่ชำระก็ไม่ชัดเจนว่าได้ทวงถามเมื่อใดและก่อนที่จำเลยจะจดทะเบียนโอนขายที่ดินดังกล่าวหรือไม่ หากแต่ได้ความต่อมาว่านายจำรัสได้ทำหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์แล้วให้โจทก์ลงลายมือชื่อส่งไปให้จำเลยตามหนังสือเอกสารหมาย ล.๑ ซึ่งลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๓๗ อันเป็นเวลาภายหลังจากที่จำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินไปแล้ว ประมาณ ๘ เดือน นอกจากนี้แม้ต่อมานายจำรัสจะมีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเอกสารหมาย จ.๓ก็ตาม ตามหนังสือนี้ลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๓๙ ซึ่งภายหลังจากหนังสือตามเอกสารหมาย ล.๑ เป็นเวลาเกือบ ๑ ปี ทั้งโจทก์เพิ่งฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเมื่อวันที่ ๒๗กรกฎาคม ๒๕๔๑ นับตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๖ อันเป็นวันครบกำหนดชำระเงินจนถึงวันฟ้องคดีแพ่งเป็นเวลาประมาณ ๔ ปี ตามพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ประกอบคำเบิกความของโจทก์และนายจำรัสที่กล่าวมาข้างต้น ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่าก่อนที่จำเลยจะโอนขายที่ดินให้ผู้อื่นนั้น โจทก์มิได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้เงินแต่อย่างใดอันเป็นการแสดงว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ยังไม่คิดจะฟ้องคดีให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ให้ชำระหนี้ ความผิดตามฟ้องจึงยังไม่เกิดขึ้น และในกรณีเช่นนี้แม้จะฟังข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ก็ตาม หาทำให้ผลการกระทำของจำเลยอันไม่เป็นความผิดเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นจึงไม่จำต้องวินิจฉัยในเรื่องจำเลยกู้เงินจากโจทก์หรือไม่
    พิพากษายืน.

    ผู้พิพากษา
    สมศักดิ์ เทวรักษ์กุล
    ผล อนุวัตรนิติการ
    พิชิต คำแฝง


    กดถูกใจเป็นคนแรกสิ!

แสดงความคิดเห็น

    ...

บันทึกส่วนตัว

Visitor Statistics
» 4 Online
» 11 Today
» 124 Yesterday
» 896 Week
» 4503 Month
» 201435 Year
» 1452840 Total
Record: 10208 (10.06.2023)
Free PHP counter