นาวิน ขำแป้น
[ทนายความ]
วันที่เพิ่ม : วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21:29:39
ปรับปรุงล่าสุด : วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21:34:19
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาตรา ๓๓
ในการริบทรัพย์สิน นอกจากศาลจะมีอำนาจริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบทรัพย์สินดังต่อไปนี้อีกด้วย คือ
(๑) ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือ
(๒) ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิด
เว้นแต่ทรัพย์สินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 มาตรา ๗๘
เมื่อปรากฏว่ามีเหตุบรรเทาโทษ ไม่ว่าจะได้มีการเพิ่มหรือการลดโทษตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นแล้วหรือไม่ ถ้าศาลเห็นสมควรจะลดโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดนั้นก็ได้
เหตุบรรเทาโทษนั้น ได้แก่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้โฉดเขลาเบาปัญญาตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีคุณความดีมาแต่ก่อน รู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดนั้น ลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานหรือให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา หรือเหตุอื่นที่ศาลเห็นว่ามีลักษณะทำนองเดียวกันประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา ๘๓
ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาตรา ๙๑
เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษ หรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนด ดังต่อไปนี้
(๑) สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี
(๒) ยี่สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปีแต่ไม่เกินสิบปี
(๓) ห้าสิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิตประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 มาตรา ๒๖๔
ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกันประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 มาตรา ๒๖๕
ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาทประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 มาตรา ๒๖๘
ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา ๒๖๔ มาตรา ๒๖๕ มาตรา ๒๖๖ หรือมาตรา ๒๖๗ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ
ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเอง ให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ : 4073 / 2545จำเลยที่ 1 ถ่ายสำเนารายการจดทะเบียนรถจากฉบับที่แท้จริงซึ่งเป็นเอกสารราชการ แล้วแก้ไขรายการในช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าสำเนาดังกล่าวมีข้อความตรงกับต้นฉบับ และน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ได้แก้ไขรายการจดทะเบียนรถในเอกสารที่แท้จริง แต่การกระทำของจำเลยที่ 1 ก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 แล้ว
การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 กับพวกได้ร่วมกันปลอมสำเนารายการจดทะเบียนโดยมีเจตนาอย่างเดียวกับการปลอมแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์เพื่อให้เจ้าพนักงานเห็นว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 พ-6302 กรุงเทพมหานคร ได้จดทะเบียนและเสียภาษีถูกต้องเพื่อจำเลยกับพวกจะได้ใช้รถยนต์นั้นโดยชอบ การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ในการปลอมรายการจดทะเบียนจึงเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมซึ่งจะต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 265 และโดยที่เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิจารณาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 และที่ 4 ที่มิได้อุทธรณ์และฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันปลอมแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ซึ่งเป็นเอกสารราชการที่กรมการขนส่งทางบกออกให้แก่รถยนต์คันหมายเลขทะเบียนผ - 7950 สุพรรณบุรี โดยแก้ไขเปลี่ยนแปลงหมายเลขทะเบียนรถเป็น 7 พ - 6302 กรุงเทพมหานคร แก้ไขวันสิ้นอายุจากเดิมวันที่ 3 เมษายน 2542 เป็นวันที่ 1 สิงหาคม 2542 อันเป็นการแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารราชการและจำเลยทั้งสี่ร่วมกันปลอมแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งเป็นเอกสารราชการของกรมการประกันภัย โดยนำแผ่นป้ายซึ่งกรมการประกันภัยออกให้แก่ยานพาหนะอื่น มาแก้ไขหมายเลขทะเบียนรถจากเดิมเป็นหมายเลขทะเบียน 7 พ - 6302 กรุงเทพมหานครอันเป็นการแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารราชการนอกจากนี้จำเลยทั้งสี่ยังร่วมกันปลอมเอกสารราชการสำเนารายการจดทะเบียนรถขึ้นทั้งฉบับแล้วจำเลยทั้งสี่ร่วมกันนำแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์และแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถซึ่งเป็นเอกสารราชการที่จำเลยทั้งสี่ทำปลอมขึ้นไปติดไว้ที่กระจกด้านหน้ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ผ - 7950 สุพรรณบุรี ซึ่งติดแผ่นป้ายทะเบียน 7 พ - 6302 กรุงเทพมหานคร ของรถคันอื่นแล้วใช้อ้างแสดงต่อร้อยตำรวจโทมนต์ชัย พุ่มพูน กับพวกต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสี่ได้พร้อมยึดแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์แผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถและสำเนารายการจดทะเบียนรถยนต์ที่จำเลยทั้งสี่ทำปลอมขึ้นดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 268, 91, 83, 33 พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 41, 42 และริบของกลาง
จำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องมาเป็นคดีใหม่
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 91, 83, 33 พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 41, 42 ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ2 ปี รวม 3 กระทง จำคุกคนละ 6 ปี จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกคนละ 3 ปี ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า เรียงกระทงลงโทษฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอม ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 265 จำคุกคนละ 2 ปี ฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถปลอม ลงโทษตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 42 วรรคสอง ประกอบมาตรา 41 จำคุกคนละ 2 ปีฐานปลอมสำเนารายการจดทะเบียนรถ ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265จำคุกคนละ 2 ปี ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วคงจำคุกกระทงละ 1 ปี รวมโทษทุกกระทงแล้วจำคุกคนละ 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีคงมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกา ในการวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 สำหรับคดีนี้จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายในคำฟ้อง ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า การที่จำเลยที่ 1 ถ่ายสำเนารายการจดทะเบียนรถจากฉบับที่แท้จริงซึ่งเป็นเอกสารราชการแล้วแก้ไขรายการเจ้าของรถในสำเนาเอกสารดังกล่าวในช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์จากเดิมเป็นชื่อผู้อื่นเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการหรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 ได้แยกการกระทำเป็น 2 ประการ คือ การทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใดประการหนึ่ง และการเติมหรือตัดทอนข้อความหรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารที่แท้จริง อีกประการหนึ่งการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใดไม่จำต้องกระทำลงในเอกสารที่แท้จริง ต่างไปจากการเติมหรือตัดทอนข้อความหรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ซึ่งต้องกระทำในเอกสารที่แท้จริงเท่านั้นจึงจะเป็นความผิด จำเลยที่ 1 ถ่ายสำเนารายการจดทะเบียนรถจากฉบับที่แท้จริงซึ่งเป็นเอกสารราชการแล้วจำเลยที่ 1 แก้ไขรายการในช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์ เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าสำเนาดังกล่าวมีข้อความตรงกับต้นฉบับ และน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้แก้ไขรายการจดทะเบียนรถในเอกสารที่แท้จริง การกระทำของจำเลยที่ 1 ก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดกรรมเดียวหรือไม่ โดยจำเลยที่ 1 ฎีกาว่า การปลอมและใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอม แผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถปลอม และปลอมสำเนารายการจดทะเบียนรถ แม้เอกสารทั้ง 3 รายการ จะเป็นเอกสารคนละประเภทแต่จำเลยมีเจตนาประการเดียวคือเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าเป็นเอกสารสำหรับใช้ประกอบกับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 พ - 6302 กรุงเทพมหานคร การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดกรรมเดียวนั้น เห็นว่า สำหรับการปลอมแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ตามคำฟ้องของโจทก์นั้นปรากฏชัดเจนว่าเป็นการปลอมขึ้นสำหรับใช้กับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 พ - 6302 กรุงเทพมหานคร แต่การปลอมสำเนารายการจดทะเบียนรถโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องระบุให้เห็นชัดเจนเช่นในข้อหาอื่นว่าเป็นการทำขึ้นเพื่อประโยชน์ในการใช้รถยนต์คันดังกล่าวหรือต่างคันกันแต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาคำฟ้องโจทก์ทั้งฉบับแล้วก็พอจะแปลคำฟ้องของโจทก์ได้ว่าเป็นการปลอมสำเนารายการจดทะเบียนรถหรือสำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถเพื่อใช้กับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 พ - 6302กรุงเทพมหานคร นั่นเอง ทั้งนี้เพราะการจะใช้รถยนต์คันนี้ได้นอกจากจะต้องติดแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์แล้ว ตามกฎหมายผู้ขับรถหรือควบคุมรถจะต้องมีสำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถด้วยเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานได้ทันที ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 4 ในคดีนี้กับพวกได้ร่วมกันปลอมสำเนารายการจดทะเบียนรถจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาอย่างเดียวกันกับการปลอมแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ เพื่อให้เจ้าพนักงานเห็นว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 พ - 6302 กรุงเทพมหานคร ได้จดทะเบียนและเสียภาษีถูกต้องเพื่อจำเลยดังกล่าวกับพวกจะได้ใช้รถยนต์นั้นโดยชอบการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ในการปลอมรายการจดทะเบียนจึงเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมซึ่งจะต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 265และโดยที่เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาข้อนี้ให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 และที่ 4 ที่มิได้อุทธรณ์และฎีกาขึ้นมาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225 ส่วนการปลอมและใช้แผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถนั้น เห็นได้ว่าก็เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ามีการประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 อันเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมกันดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยไว้อย่างละเอียดแล้ว ศาลฎีกาไม่ต้องกล่าวซ้ำอีกข้อนี้ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้นบางส่วน"
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 มีความผิดฐานปลอมแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ ฐานปลอมสำเนารายการจดทะเบียนรถ และฐานใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอม ความผิดของจำเลยทั้งสามฐานนี้เป็นกรรมเดียวกันให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง ประกอบ มาตรา 265 จำคุกคนละ 2 ปี ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกคนละ 1 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจำคุกคนละ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225
ผู้พิพากษา
ประเสริฐ เขียนนิลศิริ
สุเมธ ตังคจิวางกูร
ชวลิต ยอดเณร
ฎีกาน่าสนใจ
กดถูกใจเป็นคนแรกสิ!
นาวิน ขำแป้น
[ทนายความ]
วันที่เพิ่ม : วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 04:11:51
ปรับปรุงล่าสุด : วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 04:11:51
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 มาตรา ๒๖๔
ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ : 510 / 2530คำพิพากษาย่อสั้น
การที่จำเลยตัดเลขหมายประจำแชชซีรถยนต์คันสีแดงออกแล้วตัดเอาหมายเลขประจำแชชซีของรถยนต์คันสีฟ้ามาเชื่อมต่อไว้แทน เมื่อหมายเลขประจำแชชซีรถยนต์คันสีฟ้าเป็นหมายเลขประจำรถยนต์ที่แท้จริง แม้จะนำมาติดกับรถยนต์คันอื่นแต่ไม่มีการขูดลบแก้ไข เปลี่ยนแปลงตัวอักษร หรือตัวเลขหมายแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารเพราะความผิดฐานปลอมเอกสารนั้นจะต้องมีการปลอมแปลงเอกสารขึ้นทั้งฉบับหรือแต่บางส่วน หรือกระทำให้ข้อความหรือความหมายในเอกสารที่แท้จริงเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันปลอมเอกสารโดยตัดเอาแชชซีรถยนต์คันสีแดงหมายเลขทะเบียน 5ม - 8188 ช่วงที่มีตัวอักษรตัวเลข เอ็น 620-304483 อันเป็นเอกสารที่แท้จริงออกทิ้ง แล้วตัดเอาแชชซีรถยนต์คันสีฟ้าของเทศบางเมืองสมุทรปราการ หมายเลขทะเบียน น.0355 สมุทรปราการ ช่วงที่มีตัวอักษร ตัวเลข เอ็น 620 - เอ 82682 ออกแล้วนำไปต่อเชื่อมกับแชชซีของรถยนต์คันสีแดงหมายเลขทะเบียน 5ม - 8188 แทนเอกสารที่แท้จริงในช่วงที่ตัดทิ้งไปดังกล่าว การกระทำของจำเลยเป็นการทำปลอมขึ้น ซึ่งเอกสารเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารหมายเลขแชชซีของรถคันหมายเลขทะเบียน 5ม - 8188 ที่แท้จริง และจำเลยกับพวกได้ถอดเครื่องยนต์ของรถคันหมายเลขทะเบียน 5ม - 8188 ออกแล้วนำเครื่องยนต์ของรถคันหมายเลขทะเบียน น.0355 สมุทรปราการ มาติดตั้งใส่ไว้แทน และนำแผ่นป้ายทะเบียนของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น.0355 สมุทรปราการไปใส่แทนแผ่นป้ายทะเบียนของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 5ม-8188 และพ่นเปลี่ยนสีรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 5ม-8188 จากสีแดงเป็นสีฟ้าแล้วนำส่งคืนเทศบาลเมืองสมุทรปราการเพื่อให้เทศบาลเมืองสมุทรปราการ นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดสมุทรปราการเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสภาพรถยนต์ และกรมตำรวจหลงเชื่อว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 5ม-8188 หมายเลขเครื่อง เจ 15-444308 หมายเลขแชชซี เอ็น620-304483 เป็นรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น.0355 สมุทรปราการ หมายเลขเครื่อง เจ 15-829139 หมายเลขแชชซี เอ็น 620-82682 ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่เทศบาลเมืองสมุทรปราการ นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสภาพรถยนต์และกรมตำรวจ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 จำคุก 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่าจำเลยตัดเอาแผ่นโลหะที่มีเลขหมายประจำแชชซีรถยนต์คันสีฟ้าของเทศบาลเมืองสมุทรปราการมาต่อเชื่อมแทนที่เลขหมายประจำแชชซีรถยนต์คันสีแดงที่จำเลยตัดออกไปก็ตาม แต่ความผิดฐานปลอมเอกสารนั้น จะต้องมีการปลอมแปลงเอกสารขึ้นทั้งฉบับ หรือแต่บางส่วนหรือกระทำให้ข้อความ หรือความหมายในเอกสารที่แท้จริงเปลี่ยนแปลงไป ในเรื่องนี้ได้ความว่า เลขหมายประจำแชชซีรถยนต์คันสีฟ้าของเทศบาลเมืองสมุทรปราการที่จำเลยนำมาต่อเชื่อมรถยนต์คันสีแดงเป็นหมายเลขประจำรถยนต์ที่แท้จริง แม้จะนำมาติดกับรถยนต์คันอื่นแต่ก็ไม่มีการขูดลบแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวอักษร ตัวเลขหมายประจำแชชซีแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารดังโจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน
ผู้พิพากษา
ชวลิต นราลัย
อภินย์ ปุษปาคม
ประวิทย์ ขัมภรัตน์
กดถูกใจเป็นคนแรกสิ!
นาวิน ขำแป้น
[ทนายความ]
วันที่เพิ่ม : วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 04:19:32
ปรับปรุงล่าสุด : วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 04:19:32
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 มาตรา ๒๖๔
ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ : 3078 / 2525คำพิพากษาย่อสั้น
การที่จำเลยนำแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์หมายเลข น.0311พังงาซึ่งเป็นแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ที่ทางราชการออกให้แก่รถยนต์ของ ส. นำไปใช้ติดกับรถยนต์จำเลยซึ่งเป็นรถยนต์อีกคันหนึ่ง แม้จะโดยมีเจตนาแสดงให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ารถยนต์ของจำเลยเป็นรถยนต์ที่มีหมายเลขทะเบียน น.0311 พังงา ก็ตามเมื่อแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ดังกล่าวเป็นแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ที่แท้จริงซึ่งทางราชการออกให้แก่รถยนต์คันอื่น จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารหรือใช้เอกสารราชการปลอม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1141/2523)
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจนำรถยนต์ไม่เสียภาษีประจำปีรถยนต์ไปใช้ในถนนหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาต และปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์หมายเลขน. 0311 พังงา อันเป็นเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการดังกล่าวนำไปติดกับรถยนต์ของจำเลย ซึ่งเป็นรถยนต์อีกคันหนึ่ง โดยมีเจตนาให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ารถยนต์ของจำเลยเป็นรถยนต์หมายเลขทะเบียน น.0311 พังงาที่ถูกต้อง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 91 พระราชบัญญัติรถยนต์พ.ศ. 2522 มาตรา 6, 59
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานใช้รถไม่เสียภาษีตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 6 ลงโทษปรับ ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมนั้นไม่เป็นความผิด ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้นำแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์หมายเลข ทะเบียน น. 0311 พังงา ซึ่งเป็นแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ที่ทางราชการออกให้แก่รถยนต์ของนายสมาน นำไปใช้ติดกับรถยนต์ของจำเลย ซึ่งเป็นรถยนต์อีกคันหนึ่งโดยมีเจตนาที่จะให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ารถยนต์ของจำเลยเป็นรถยนต์ที่มีหมายเลขทะเบียน น. 0311 พังงาถูกต้อง และวินิจฉัยว่าสำหรับข้อหาฐานปลอมเอกสารนั้น เมื่อปรากฏว่าแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ของกลางเป็นแผ่นป้ายทะเบียนที่แท้จริงซึ่งทางราชการออกให้แก่รถยนต์ของบุคคลอื่น จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสาร และการที่จำเลยเอาแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์นั้น ซึ่งเป็นเอกสารราชการที่แท้จริงมาใช้กับรถยนต์ของจำเลยเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ารถยนต์ของจำเลยเป็นรถยนต์หมายเลขทะเบียน น. 0311 พังงา จำเลยไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1141/2523
พิพากษายืน
ผู้พิพากษา
อำนวย อินทุภูติ
สุทิน เลิศวิรุฬห์
เริ่ม ธรรมดุษฎี
กดถูกใจเป็นคนแรกสิ!
นาวิน ขำแป้น
[ทนายความ]
วันที่เพิ่ม : วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 04:28:45
ปรับปรุงล่าสุด : วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 04:28:45
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 มาตรา ๒๖๔
ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ : 1141 / 2523คำพิพากษาย่อสั้น
จำเลยเอาป้ายทะเบียนรถยนต์หมายเลข ส.ฎ.00890 ของรถยนต์ยี่ห้อเฟียตมาติดใช้กับรถยนต์ของกลาง เมื่อป้ายทะเบียนรถยนต์ดังกล่าวเป็นเอกสารแท้จริงที่ราชการทำขึ้นไม่ใช่เอกสารปลอม จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารและการที่จำเลยนำป้ายทะเบียนนั้นมาใช้กับรถยนต์ของกลางเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ารถยนต์ของกลางเป็นรถยนต์หมายเลขทะเบียน ส.ฎ.00890. จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม
จำเลยรู้ว่าหมายเลขประจำเครื่องยนต์ของกลาง 215173 เป็นเลขประจำเครื่องยนต์ปลอม แล้วจำเลยนำรถยนต์ของกลางไปตรวจเครื่องยนต์แสดงว่ามีเลขหมายนั้นต่อเจ้าหน้าที่และนำไปขายแก่ผู้อื่น จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม แม้คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้เครื่องยนต์ที่ปลอมลงในรถยนต์ของห้าง ง. ซึ่งอยู่ในความดูแลของ จ. แต่ทางพิจารณาปรากฏว่าเลขจำเลยใช้เลขเครื่องยนต์ที่ปลอมลงในรถยนต์คันอื่นข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญ ทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ จึงลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายลักรถยนต์เก๋งยี่ห้อเฟียต หมายเลขเครื่องประจำรถ 0101444 หมายเลขทะเบียน ก.ท.ช - 6555 ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ง. ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของ จ. ไป และจำเลยรับของโจรรถยนต์นั้น แล้วจำเลยปลอมเอกสารโดยขูดลบเลข 0101444 ของเครื่องรถยนต์ออกโดยตอกเลข 215173 ลงไปแทนและปลอมแผ่นป้ายทะเบียนสำหรับติดรถยนต์ซึ่งเป็นเอกสารราชการกรมตำรวจ 2 แผ่น ใส่ตัวเลขและอักษรปลอม ส.ฎ.00890 ลงในแผ่นป้าย ความจริงแผ่นป้ายตัวเลขและอักษรดังกล่าวเจ้าหน้าที่แผนกรถยนต์ กรมตำรวจออกให้แก่ผู้อื่น จำเลยใช้เอกสารปลอมโดยนำแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ที่ปลอมขึ้นมาติดกับรถยนต์ที่จำเลยรับไว้ขับไปตามถนน และขายรถยนต์แก่ จ. ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 357, 264, 265, 268 ริบป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมคืนรถยนต์ของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357, 265, 268 จำคุกตามมาตรา 357 สี่ปี จำคุกตามมาตรา 265, 268 สองปี ริบป้ายทะเบียนปลอม รถยนต์ของกลางคืนเจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นรถยนต์ที่ จ. เช่าซื้อไว้และถูกลักไป จึงลงโทษจำเลยฐานรับของโจรไม่ได้ สำหรับข้อหาฐานปลอมป้ายทะเบียนรถยนต์และใช้ป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมนั้น โจทก์ไม่มีพยานมาสืบว่าป้ายทะเบียนรถยนต์ ส.ฎ.00890 ที่นำมาใช้กับรถยนต์ของกลางเป็นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม ทั้งปรากฏว่าป้ายหมายเลขทะเบียนรถยนต์ดังกล่าวเป็นเลขของรถยนต์ที่จำเลยซื้อไว้ จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำปลอมขึ้นใหม่อีก เชื่อได้ว่าจำเลยเอาป้ายรถยนต์หมายเลข ส.ฎ.00890 ของรถยนต์จำเลยมาติดใช้กับรถยนต์ของกลาง เมื่อป้ายทะเบียนรถยนต์หมายเลข ส.ฎ.00890 ไม่ใช่เอกสารปลอม จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสาร และการที่จำเลยนำป้ายทะเบียนรถยนต์ซึ่งเป็นเอกสารราชการที่แท้จริงมาใช้กับรถยนต์ของกลางเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ารถยนต์ของกลางเป็นรถยนต์หมายเลขทะเบียน ส.ฎ.00890 จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมป้ายทะเบียนรถยนต์นั้นจึงมิใช่ทรัพย์ที่จะต้องถูกริบตามกฎหมาย
ข้อหาฐานปลอมหมายเลขประจำเครื่องยนต์ โจทก์ไม่มีพยานมาสืบว่าจำเลยเป็นผู้ปลอมหรือร่วมปลอม จึงลงโทษจำเลยฐานปลอมหมายเลขประจำเครื่องยนต์ของกลางไม่ได้ส่วนข้อหาฐานใช้หมายเลขเครื่องยนต์ปลอมนั้นเห็นว่า หมายเลขเครื่องยนต์ 215173 เป็นเลขหมายเครื่องยนต์ของรถยนต์เลขหมายทะเบียน ส.ฎ.00890 ที่จำเลยซื้อจาก อ. โดยลงชื่อ ช. บุตรจำเลยเป็นผู้ครอบครองในใบอนุญาตทะเบียนและระบุว่าเป็นรถยนต์สีเทา จำเลยย่อมทราบเลขเครื่องยนต์และสีรถยนต์ได้ดีเมื่อมีผู้ไปติดต่อซื้อรถยนต์ของกลางจากจำเลย จำเลยนำรถยนต์ของกลางไปพ่นสีเป็นสีฟ้าและนำไปตรวจเครื่องยนต์ ผู้ซื้อนำเงินไปชำระแก่จำเลยแล้วนำรถยนต์ของกลางจากจำเลยไปใช้ จึงเชื่อได้ว่าจำเลยรู้ว่าหมายเลขประจำเครื่องยนต์ 215173 เป็นหมายเลขประจำเครื่องยนต์ปลอม จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมแม้คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้เลขเครื่องยนต์ที่ปลอมลงในรถยนต์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ง. ซึ่งอยู่ในความดูแลของ จ. แต่ทางพิจารณาปรากฏว่า จำเลยใช้เลขเครื่องยนต์ที่ปลอมลงในรถยนต์คันอื่น ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญ ทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ จึงลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 264 จำคุก 1 ปี จำเลยอายุ 70 ปี ไม่ปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ป้ายทะเบียนรถยนต์ไม่ริบ รถยนต์ของกลางคืนเจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ผู้พิพากษา
ไพบูลย์ เพียรรู้จบ
วิถี ปานะบุตร
อำนัคฆ์ คล้ายสังข์
กดถูกใจเป็นคนแรกสิ!