นาวิน ขำแป้น
[ทนายความ]
วันที่เพิ่ม : วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21:29:39
ปรับปรุงล่าสุด : วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21:34:19
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาตรา ๓๓
ในการริบทรัพย์สิน นอกจากศาลจะมีอำนาจริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบทรัพย์สินดังต่อไปนี้อีกด้วย คือ
(๑) ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือ
(๒) ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิด
เว้นแต่ทรัพย์สินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 มาตรา ๗๘
เมื่อปรากฏว่ามีเหตุบรรเทาโทษ ไม่ว่าจะได้มีการเพิ่มหรือการลดโทษตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นแล้วหรือไม่ ถ้าศาลเห็นสมควรจะลดโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดนั้นก็ได้
เหตุบรรเทาโทษนั้น ได้แก่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้โฉดเขลาเบาปัญญาตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีคุณความดีมาแต่ก่อน รู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดนั้น ลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานหรือให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา หรือเหตุอื่นที่ศาลเห็นว่ามีลักษณะทำนองเดียวกันประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา ๘๓
ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาตรา ๙๑
เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษ หรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนด ดังต่อไปนี้
(๑) สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี
(๒) ยี่สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปีแต่ไม่เกินสิบปี
(๓) ห้าสิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิตประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 มาตรา ๒๖๔
ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกันประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 มาตรา ๒๖๕
ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาทประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 มาตรา ๒๖๘
ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา ๒๖๔ มาตรา ๒๖๕ มาตรา ๒๖๖ หรือมาตรา ๒๖๗ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ
ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเอง ให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ : 4073 / 2545จำเลยที่ 1 ถ่ายสำเนารายการจดทะเบียนรถจากฉบับที่แท้จริงซึ่งเป็นเอกสารราชการ แล้วแก้ไขรายการในช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าสำเนาดังกล่าวมีข้อความตรงกับต้นฉบับ และน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ได้แก้ไขรายการจดทะเบียนรถในเอกสารที่แท้จริง แต่การกระทำของจำเลยที่ 1 ก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 แล้ว
การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 กับพวกได้ร่วมกันปลอมสำเนารายการจดทะเบียนโดยมีเจตนาอย่างเดียวกับการปลอมแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์เพื่อให้เจ้าพนักงานเห็นว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 พ-6302 กรุงเทพมหานคร ได้จดทะเบียนและเสียภาษีถูกต้องเพื่อจำเลยกับพวกจะได้ใช้รถยนต์นั้นโดยชอบ การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ในการปลอมรายการจดทะเบียนจึงเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมซึ่งจะต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 265 และโดยที่เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิจารณาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 และที่ 4 ที่มิได้อุทธรณ์และฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันปลอมแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ซึ่งเป็นเอกสารราชการที่กรมการขนส่งทางบกออกให้แก่รถยนต์คันหมายเลขทะเบียนผ - 7950 สุพรรณบุรี โดยแก้ไขเปลี่ยนแปลงหมายเลขทะเบียนรถเป็น 7 พ - 6302 กรุงเทพมหานคร แก้ไขวันสิ้นอายุจากเดิมวันที่ 3 เมษายน 2542 เป็นวันที่ 1 สิงหาคม 2542 อันเป็นการแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารราชการและจำเลยทั้งสี่ร่วมกันปลอมแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งเป็นเอกสารราชการของกรมการประกันภัย โดยนำแผ่นป้ายซึ่งกรมการประกันภัยออกให้แก่ยานพาหนะอื่น มาแก้ไขหมายเลขทะเบียนรถจากเดิมเป็นหมายเลขทะเบียน 7 พ - 6302 กรุงเทพมหานครอันเป็นการแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารราชการนอกจากนี้จำเลยทั้งสี่ยังร่วมกันปลอมเอกสารราชการสำเนารายการจดทะเบียนรถขึ้นทั้งฉบับแล้วจำเลยทั้งสี่ร่วมกันนำแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์และแผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถซึ่งเป็นเอกสารราชการที่จำเลยทั้งสี่ทำปลอมขึ้นไปติดไว้ที่กระจกด้านหน้ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ผ - 7950 สุพรรณบุรี ซึ่งติดแผ่นป้ายทะเบียน 7 พ - 6302 กรุงเทพมหานคร ของรถคันอื่นแล้วใช้อ้างแสดงต่อร้อยตำรวจโทมนต์ชัย พุ่มพูน กับพวกต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสี่ได้พร้อมยึดแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์แผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถและสำเนารายการจดทะเบียนรถยนต์ที่จำเลยทั้งสี่ทำปลอมขึ้นดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 268, 91, 83, 33 พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 41, 42 และริบของกลาง
จำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องมาเป็นคดีใหม่
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 91, 83, 33 พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 41, 42 ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ2 ปี รวม 3 กระทง จำคุกคนละ 6 ปี จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกคนละ 3 ปี ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า เรียงกระทงลงโทษฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอม ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 265 จำคุกคนละ 2 ปี ฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถปลอม ลงโทษตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 42 วรรคสอง ประกอบมาตรา 41 จำคุกคนละ 2 ปีฐานปลอมสำเนารายการจดทะเบียนรถ ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265จำคุกคนละ 2 ปี ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วคงจำคุกกระทงละ 1 ปี รวมโทษทุกกระทงแล้วจำคุกคนละ 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีคงมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกา ในการวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 สำหรับคดีนี้จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายในคำฟ้อง ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า การที่จำเลยที่ 1 ถ่ายสำเนารายการจดทะเบียนรถจากฉบับที่แท้จริงซึ่งเป็นเอกสารราชการแล้วแก้ไขรายการเจ้าของรถในสำเนาเอกสารดังกล่าวในช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์จากเดิมเป็นชื่อผู้อื่นเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการหรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 ได้แยกการกระทำเป็น 2 ประการ คือ การทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใดประการหนึ่ง และการเติมหรือตัดทอนข้อความหรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารที่แท้จริง อีกประการหนึ่งการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใดไม่จำต้องกระทำลงในเอกสารที่แท้จริง ต่างไปจากการเติมหรือตัดทอนข้อความหรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ซึ่งต้องกระทำในเอกสารที่แท้จริงเท่านั้นจึงจะเป็นความผิด จำเลยที่ 1 ถ่ายสำเนารายการจดทะเบียนรถจากฉบับที่แท้จริงซึ่งเป็นเอกสารราชการแล้วจำเลยที่ 1 แก้ไขรายการในช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์ เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าสำเนาดังกล่าวมีข้อความตรงกับต้นฉบับ และน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้แก้ไขรายการจดทะเบียนรถในเอกสารที่แท้จริง การกระทำของจำเลยที่ 1 ก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดกรรมเดียวหรือไม่ โดยจำเลยที่ 1 ฎีกาว่า การปลอมและใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอม แผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถปลอม และปลอมสำเนารายการจดทะเบียนรถ แม้เอกสารทั้ง 3 รายการ จะเป็นเอกสารคนละประเภทแต่จำเลยมีเจตนาประการเดียวคือเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าเป็นเอกสารสำหรับใช้ประกอบกับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 พ - 6302 กรุงเทพมหานคร การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดกรรมเดียวนั้น เห็นว่า สำหรับการปลอมแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ตามคำฟ้องของโจทก์นั้นปรากฏชัดเจนว่าเป็นการปลอมขึ้นสำหรับใช้กับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 พ - 6302 กรุงเทพมหานคร แต่การปลอมสำเนารายการจดทะเบียนรถโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องระบุให้เห็นชัดเจนเช่นในข้อหาอื่นว่าเป็นการทำขึ้นเพื่อประโยชน์ในการใช้รถยนต์คันดังกล่าวหรือต่างคันกันแต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาคำฟ้องโจทก์ทั้งฉบับแล้วก็พอจะแปลคำฟ้องของโจทก์ได้ว่าเป็นการปลอมสำเนารายการจดทะเบียนรถหรือสำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถเพื่อใช้กับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 พ - 6302กรุงเทพมหานคร นั่นเอง ทั้งนี้เพราะการจะใช้รถยนต์คันนี้ได้นอกจากจะต้องติดแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์แล้ว ตามกฎหมายผู้ขับรถหรือควบคุมรถจะต้องมีสำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถด้วยเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานได้ทันที ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 4 ในคดีนี้กับพวกได้ร่วมกันปลอมสำเนารายการจดทะเบียนรถจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาอย่างเดียวกันกับการปลอมแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ เพื่อให้เจ้าพนักงานเห็นว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 พ - 6302 กรุงเทพมหานคร ได้จดทะเบียนและเสียภาษีถูกต้องเพื่อจำเลยดังกล่าวกับพวกจะได้ใช้รถยนต์นั้นโดยชอบการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ในการปลอมรายการจดทะเบียนจึงเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมซึ่งจะต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 265และโดยที่เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาข้อนี้ให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 และที่ 4 ที่มิได้อุทธรณ์และฎีกาขึ้นมาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225 ส่วนการปลอมและใช้แผ่นป้ายประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถนั้น เห็นได้ว่าก็เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ามีการประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 อันเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมกันดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยไว้อย่างละเอียดแล้ว ศาลฎีกาไม่ต้องกล่าวซ้ำอีกข้อนี้ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้นบางส่วน"
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 มีความผิดฐานปลอมแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ ฐานปลอมสำเนารายการจดทะเบียนรถ และฐานใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอม ความผิดของจำเลยทั้งสามฐานนี้เป็นกรรมเดียวกันให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง ประกอบ มาตรา 265 จำคุกคนละ 2 ปี ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกคนละ 1 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจำคุกคนละ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225
ผู้พิพากษา
ประเสริฐ เขียนนิลศิริ
สุเมธ ตังคจิวางกูร
ชวลิต ยอดเณร
ฎีกาน่าสนใจ
กดถูกใจเป็นคนแรกสิ!